นายปฎิพัทธ์ กล่าวอีกว่า การเลี้ยงสัตว์น้ำแบบผสมผสาน จะเน้นเลี้ยงกุ้งในนาข้าว โดยใช้พื้นที่นา 2.5 ไร่ ขุดคูรอบแปลงนาทั้ง 4 ด้าน ขนาดกว้าง 3 เมตร ลึก 2 เมตร พร้อมทำคันยกสูง 50 เซนติเมตร กักเก็บน้ำ จากนั้นสูบน้ำเข้าแปลงนา ใส่ปูนขาวเพื่อปรับค่า PH ( พีเอช ) ของดิน ทิ้งไว้ 10 วัน จากนั้นใส่เชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์ เพื่อให้เกิดแพลงตอนเป็นอาหารของกุ้ง เว้นระยะห่าง 3 วัน ทำการปล่อยลูกกุ้ง ให้อาหารวันละ 1 มื้อ มื้อละ 5 กิโลกรัม โดยจะเพิ่มปริมาณอาหารตามช่วงอายุของลูกกุ้ง ในส่วนแปลงนาที่อยู่ตรงกลาง ก็ยังปลูกข้าวตามปกติ ซึ่งขณะนี้ ในแปลงนาที่ 1 ตนได้ปล่อยลูกกุ้ง 3 ชนิด ประกอบด้วย กุ้งขาว และกุ้งก้ามกราม อย่างละ 13,000 ตัว กุ้งหางแดง 5,000 ตัว และปลานิลอีกจำนวนหนึ่ง คาดว่าอีก 3 เดือน จะจับขายได้ ส่วนแปลงนาที่ 2 อีก 2.5 ไร่ ขณะนี้ กำลังปลูกข้าว ซึ่งหลังจากนี้ จะปล่อยน้ำให้เต็มนา พร้อมปล่อยพันธุ์กุ้งตามลงไปอีกแปลงหนึ่ง
นายปฎิพัทธ์ กล่าวว่า สำหรับการเลี้ยงกุ้งแบบผสมผสานในนาข้าวครั้งนี้ ตั้งเป้าไว้ 1 ไร่ 1 ล้าน คิดว่าความฝันจะเป็นจริง เนื่องจากขณะนี้ ทั้งกุ้ง และปลา เจริญเติบโตตามปกติ คาดว่า ในพื้นที่ 2.5 ไร่ จะจับกุ้งก้ามกรามขายได้ประมาณ 2 พันกิโลกรัม น่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ในขณะที่ เสียค่าอาหารไม่เกิน 5 หมื่นบาท นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการขายกุ้งก้ามแดง กุ้งขาว ปลานิล อีกอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนข้าวที่ปลูกไว้ก็ใช้บริโภคในครัวเรือน
ด้านนายไพรวัลย์ ชูใหม่ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตร จ.พัทลุง กล่าวว่า นายปฎิพัทธ์ เป็นสมาชิกเกษตรกรรุ่นใหม่ หรือ ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ (young smart farmer) ซึ่งทำเกษตรเพื่อธุรกิจ มีแนวคิดใหม่ ๆ โดยมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ทั้งเรื่องของการผลิต เรื่องของการตลาด ที่สำคัญ จะเน้นการเกษตรแบบอินทรีย์ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม เกษตรกรที่สนใจ สามารถศึกษาดูงานได้ที่บ้านชัยบุรี ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง หรือสอบถามได้ที่ 09-9082-5353
ติดตามข่าวด่วน เกาะกระแสข่าวดัง บน Facebook คลิกที่นี่!(Like)