จากกรณีที่ จ.น่าน มีผู้เสียชีวิตและล้มป่วยภายหลังรับประทานลาบก้อยจากเนื้อหมูดิบ ต่อมาเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. นายแพทย์ชรินทร์ ดีปินตา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดน่าน พร้อมด้วยแพทย์หญิงธัญญาลักษ์ วงศ์คำหล้า แพทย์ประจำโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว ได้ไปเฝ้าดูอาการผู้ป่วย 3 ราย ซึ่งเป็นชาวบ้าน บ้านงอบใต้ หมู่ 8 และ บ้านใต้ร่มโพธิ์ทอง หมู่ 10 ต.งอบ อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน ที่กินลาบหมูดิบ ในงานบุญแล้วเกิดอาการปวดจุกแน่นท้องอาเจียน ถ่ายเป็นเลือด ช็อกหมดสติ รวมถึงนายสิงห์ทอง อินทะรังสี อายุ 52 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านใต้ร่มโพธิ์ทอง ที่ไปงานร่วมบุญดังกล่าว ได้กินลาบหมูดิบด้วยกัน จนโชคร้ายติดเชื้อในกระแสเลือด เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา
นพ.ชรินทร์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบจากนายสุระศักดิ์ อินทะรังสี ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นพี่ชายของนายสิงห์ทอง ที่เสียชีวิต บอกว่า เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อน นายสิงห์ทอง ได้เดินสายร่วมงานเลี้ยงงานบุญต่างๆ พร้อมกับลูกบ้าน โดยเจ้าภาพทำลาบหมูดิบมาเลี้ยงแขก หลังกินเสร็จผ่านไป 2 วัน เกิดอาการจุกแน่นท้อง อาเจียน ถ่ายเป็นเลือด ลุกเดินไม่ได้ จนหมดสติไป ครอบครัวต้องหามส่งโรงพยาบาล ผลปรากฏว่าเป็นโรคสเตรปโตคอกคัสซูอิส หรือโรคหูดับ
"โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีอยู่ในหมูเท่านั้น โดยจะพบเชื้อนี้มากในบริเวณต่อมทอนซิลของหมู ผู้ที่รับประทานหมูติดเชื้อแบคทีเรียนี้เข้าไปจะมีอาการไข้ขึ้นสูง เวียนหัว หน้ามืด อุจจาระร่วง อาเจียน อ่อนเพลีย ในรายที่มีอาการรุนแรงติดเชื้อในกระแสเลือด ความดันเลือดลดต่ำลงเร็ว ไร้การทรงตัว ไม่มีเรี่ยวแรง ประสาทหูอักเสบ จนกระทั่งหูทั้งสองข้างสูญเสียการได้ยิน ช็อกและเสียชีวิตในที่สุด โดยอาการจะเกิดขึ้นเร็วมากภายในระยะเวลา 1-2 วัน ขณะนี้แพทย์ได้ให้ยาปฏิชีวนะในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่จะไปทำลายเยื่อหุ้มประสาทและต้องรอดูอาการผู้ป่วยทั้ง 3 รายอย่างใกล้ชิดประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อรักษาในขั้นตอนต่อไป" นพ.ชรินทร์ กล่าว.
........................
Cr. thairath
ติดตามข่าวด่วน เกาะกระแสข่าวดัง บน Facebook คลิกที่นี่!(Like)