คุณแพรทิพย์และคุณสุดรักได้เข้าครัวปรุงเมนูโปรดของคุณประยูร ทั้ง น้ำพริกไข่ปูเนื้อปู และต้มกะทิสายบัวตะลิงปลิง อา-หลานคู่นี้เล่าว่า เมนูดังกล่าวเป็นอาหารที่เรียบง่าย มีวิธีการปรุงไม่ซับซ้อน แต่แฝงไปด้วยองค์ความรู้ นั่นคือ มีความรู้ที่จะแสวงหาผักพื้นบ้าน ผักริมรั้ว รวมถึงสมุนไพรใกล้ตัวมาปรุงเป็นจานอร่อยที่ดีต่อสุขภาพ จึงเป็นตำรับอาหารที่สะท้อนได้ถึงตัวตนของ “ศุขเล็ก” ตัวการ์ตูนที่เป็นแบบอย่างในการ ‘ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ขยันหมั่นเพียร และพึ่งพาตนเอง’ ได้เป็นอย่างดี หากคุณผู้อ่านต้องการปรุงตามเราก็มีสูตรมาให้แล้ว หรืออยากไปลองชิมที่ร้านตะลิงปลิงก็แวะเวียนมาได้เช่นกันค่ะ
น้ำพริกไข่ปูเนื้อปู
- ส่วนผสม (สำหรับ 1 ถ้วย)
- เตรียม 20 นาที ปรุง 10 นาที
- พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด
- กระเทียมไทย 1 ช้อนโต๊ะ
- กะปิ ย่างไฟให้หอม 1 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ปูนึ่งสุก 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- กุ้งแห้งเนื้อ ตำจนฟู 1 ช้อนโต๊ะ
- มะอึก ขูดขนออกแล้วซอยเป็นเส้นบาง 1 ลูก
- เนื้อปูนึ่งสุก 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- มะนาว 1 – 2 ลูก
- น้ำเปล่าเล็กน้อย
- ตะลิงปลิง หั่นเป็นแว่น สำหรับแต่งหน้า
- ปลาดุกฟู ผักสดหรือผักลวกตามฤดูกาล สำหรับรับประทานเคียง
วิธีทำ
โขลกกระเทียมกับกะปิให้ละเอียดเข้ากันดี ใส่พริกขี้หนูบุบให้พอแตก ใส่ไข่ปู 1 ช้อนโต๊ะ ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะนาว ชิมให้ได้รสเค็มนำ ตามด้วย เปรี้ยว หวาน และเผ็ด จากนั้นใส่กุ้งแห้ง มะอึก และเนื้อปู หากข้นเกินไปเติมน้ำเปล่าเล็กน้อย ตักใส่ถ้วยโรยด้วยไข่ปูที่เหลือ แต่งด้วยตะลิงปลิง เสิร์ฟพร้อมปลาดุกฟู และผักเคียง
ต้มกะทิสายบัวตะลิงปลิง
- ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่)
- เตรียม 15 นาที ปรุง 15 นาที
- สายบัว หั่นเป็นท่อน 180 กรัม
- ปลาทูแม่กลอง 2 ตัว
- ตะลิงปลิง หั่นเป็นแว่น 2 ลูก
- เม็ดพริกไทยดำ 1 ช้อนชา
- หอมแดง 3 ช้อนโต๊ะ
- กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
- หัวกะทิ 50 กรัม
- หางกะทิ 150 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนชา
- น้ำตะลิงปลิง 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. ตำพริกไทยดำ หอมแดง และกะปิให้ละเอียดเข้ากัน
2. เทหางกะทิลงกระทะไทย ยกขึ้นตั้งไฟพอร้อน ใส่ส่วนผสมในข้อ 1 ลงไป ตามด้วยตะลิงปลิง ต้มต่อจนส่วนผสมมีกลิ่นหอม
3.ใส่สายบัวลงกระทะไทย (พยายามใช้ทัพพีกดให้จนสายบัวจม) พอเริ่มนิ่มใส่ปลาทู ต้มจนสายบัวและตะลิงปลิงสุก เติมน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขาม น้ำตะลิงปลิง ปรุงให้ได้รสเค็มนำ อมเปรี้ยว และหวานเล็กน้อย พอได้ที่ราดด้วยหัวกะทิ ตักใส่ชามพร้อมเสิร์ฟ
....................................
ที่มา - Health & Cuisine
www.healthandcuisine.com
ติดตามข่าวด่วน เกาะกระแสข่าวดัง บน Facebook คลิกที่นี่!(Like)

